1ปีครึ่งหลัง โบ๊ท – ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ บางทีอาจเป็นบุคคลจากสายมวยไทยเพียงแค่อย่างเดียวที่เผยตัวตามหน้าสื่อกระแสหลักบ่อยครั้งที่สุด

1ปีครึ่งหลัง ในตอนช่วงเวลา 1 ปีครึ่งก่อนหน้าที่ผ่านมาด้วยลักษณะท่าทางที่ไม่อ้อมค้อม กล้าบอก กล้าคิด กล้าทำ เขาก็เลยเป็นหัวหอกสำหรับการเรียกร้อง

แผดเสียงของคนมวยให้ดังไปถึงสังคม รวมถึงกรณีปัจจุบันเคส “การล้มมวย” ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่ออกมาเปิดเผยกระบวนการนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง

1ปีครึ่งหลัง

Muay Thai Stand ขอเปิดฉากบทสัมภาษณ์ชิ้นแรกของพวกเรา ด้วยการคุยกับ “ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์” ถึงระยะเวลา 1 ปีครึ่งของคนทำงานโปรโมเตอร์ ที่ยอมขาดทุนจัดมวยในตอนวิกฤตโควิด-19 แล้วก็สิ่งที่เขาต้องการมองเห็นจากแวดวงมวยไทยภายหลังจากนี้ ผลมวยวันนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่แวดวงมวยไทยพบโรคระบาดแบบ โควิด-19 ที่รับประทานช่วงเวลาช้านานมาเกิน 1 ปีครึ่งแล้ว ในฐานะโปรโมเตอร์ผู้จัดศึกเพชรยินดีรวมทั้งหัวหน้าคณะ ขณะที่ผ่านมาจำเป็นต้องพบกับปัญหาอะไรบ้าง?

ปี 2563 ตลอดปีพวกเราได้ดำเนินงานกันได้เพียงแค่ 6 เดือน ส่วนปี 2564 ในตอนครึ่งปีแรก พวกเราก็ปฏิบัติงานกันเพียงแค่ 1 เดือนครึ่งเพียงแค่นั้น

ถึงมวยจะหยุดแข่งขัน แม้กระนั้นบุคลากรพวกเราไม่หยุด บุคลากรพวกเราจะต้องรับประทานจะต้องใช้ ทุกคนอยู่หมด พวกเรามิได้ไล่ผู้ใดกันออก นักมวยอีก 50 ชีวิต บุคลากร 50-60 คน พวกเราก็กัดฟันสู้ เพราะเหตุว่าหวังว่าในอนาคตจะดียิ่งขึ้น

โน่นเป็นเหตุผลที่คุณและก็โปรโมเตอร์ท่านอื่นๆจะต้องหันมาจัดมวยแบบระบบปิด? ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้

ใช่ พวกเราจำต้องยอมเชือดร่างกายเอง มานะจัดมวยระบบปิด หากพวกเราไม่จัดเด็กนักมวยก็ไม่มีรายได้ ซึ่งจัดไปก็มีแต่ว่าขาดทุนกับขาดทุน

เพราะว่าในอดีตกาลพวกเรา (โปรโมเตอร์) มีรายได้จากค่าตั๋วเข้าชม แต่ว่าเดี๋ยวนี้พวกเราจำเป็นต้องควักกระเป๋าออกมาใช้ เพื่อระบบได้รันถัดไป กัดฟันครับผม พวกเรายอมเจ็บเพื่อทุกๆอย่างเดิน https://www.fudoshinkan.org

1ปีครึ่งหลัง

ธรรมดาจัดมวย 10 คู่ต่อ 24 ชั่วโมง พวกเราจัดศึกเพชรยินดี เสมอๆทุกเมื่อเชื่อวันพฤหัสกับวันศุกร์ เฉพาะค่าจ้างนักมวยก็ 4-5 แสนบาทแล้ว หากรวมค่าถ่ายทอดสดกับค่าจ้างนักมวยก็ 7-8 แสนบาท อันนี้เป็นเรยี่ห้อติดอยู่ออมที่สุดแล้ว

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา พวกเราจัดนักมวยที่มีค่าตัวแพงรวมๆต่อ 1 นัดหมายค่าใช้สอยจะอยู่ที่ 1.2 – 1.3 ล้านบาท ตกแล้วยังได้กำไรบางส่วน เพียงพอมามีวัววิด ค่าใช้สอยเหมือนเดิมแม้กระนั้นรายได้ไม่มี เก็บค่าตั๋วมิได้ ผู้ที่ได้การสนับสนุนทางโทรทัศน์ก็หายอีก

ตั้งแต่แมื่อมีโควิด-19 ระบาด คนแวดวงมวย ไล่มาตั้งแต่นายเวทีมวย, คนจัดมวย รวมทั้งนักมวย ได้มีช่วงเวลาดำเนินงานเลี้ยงชีพกันไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือก็ไม่มีงาน ไม่มีรายได้

หากแม้ปัจจุบันนี้เริ่มกลับมาจัดได้แล้วแล้วก็ดูเหมือนกับว่าเหตุการณ์จะดียิ่งขึ้น แม้กระนั้นพวกเรามิได้ดูเพียงแค่ที่ตรงนั้น เพราะเหตุว่าแม้กระทั่งโควิดจบความทรุดโทรมก็ยังคงอยู่

บางรอยแผลมิได้ออกฤทธิ์ข้างในวันเดียว แต่ว่าอีก 2-3 ปีด้านหน้าจะส่งผลกระทบตามมาอีกเยอะ ดังเช่น ความก้าวหน้าของมวยเด็ก นี่เป็นจุดดีกว่าของพวกเราที่เหนือกว่าต่างถิ่น

ธรรมดาถ้าเกิดไม่มีโควิด เด็กต่างจังหวัด ตัวเล็กๆต่อยกันตามงาดวัดเป็นว่าเล่น เพื่อสร้างเสริมให้กระดูกมวยแข็งแรงต่างกับมวยประเทศอื่นที่มาฝึกหัดตอนโตแล้ว ทำให้เวลาพวกเราไปต่อยไม่เสียเปรียบ ถึงแม้ยุโรปธรรมชาติกระดูกกล้ามจะแข็งแรงแล้วก็มีขนาดใหญ่กว่าของชาวเอเชีย แต่ว่าหากเป็นมวยไทย ถึงเขาตัวใหญ่มากยิ่งกว่า แต่ว่าถ้าหากเตะพวกเราเขาก็จะเจ็บเอง

นี่ก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดคำว่ากระดูกมวย เพียงพอมีวัววิดมากระทบวิวัฒนาการที่ตรงนี้ก็หายไป อนาคตพวกเราน่าจะมิได้มองเห็นยอดเยี่ยมมวยเด็กที่เป็นคนมีชื่อเสียงมีชื่อเข้ามาต่อยในเวทีกรุงเทวดาอีกแล้ว

ด้วยเหตุว่าก่อนหน้าที่ผ่านมาทรัพยากรนักมวยเด็กบ้านพวกเรามักถูกไม่ให้ความสนใจพวกเรา มิได้รับการส่งเสริมสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายฝึกมวยชนบทที่เป็นแหล่งผลิตนักมวยไทยอาชีพ

ขั้นต่ำๆผมมีความรู้สึกว่าภาครัฐควรจะเกื้อหนุนวัสดุอุปกรณ์มวยให้เขาก็ยังดี หรือช่วยแบบให้เป็นเงินบำรุงชมรมแบบบอลที่ให้ไปเลยค่ายละ 5,000-10,000 บาท เป็นตัวเงินที่ไม่มากมาย แม้กระนั้นเขาจะได้เกิดกำลังใจทำต่อ พวกเราจะต้องปรับปรุงเส้นโลหิตใหญ่ โน่นเป็นในภาคแคว้น มีทีเด็ดมาโชว์

ซึ่งตัวการมันก็มาจากการที่แวดวงมวยไม่เคยมีการปรับปรุงที่เป็นแบบแผน ไม่มีโรดแมป แบบ 3 ปี 5 ปี 10 ปี พวกเราจะไปแบบไหน ? อยู่ถูกจุดไหน ? พวกเราจำเป็นต้องร่วมมือกันและก็ทำอย่างมีระบบกระจ่าง

ผมต้องการให้มองบอลเป็นตัวอย่าง เขามีที่มีความสำคัญในการรบ ดังเช่นว่า อีก 20 ปีจะไปบอลโลก แม้กระนั้นมวยไทยไม่มีจุดหมาย แม้กระทั้งการค้นคว้าที่มีประโยชน์ในการพัฒนา ยังมีไม่ถึง 10 ชิ้นบนโลกใบนี้

ดูภาพแบบลีกของบอลที่ทำลีกภูธรให้อดทนก่อน มองมวยภูธรสิ สนามแข่งมวยภูธรหายไป เวทีอดิศร จังหวัดสระบุรีเลิกไปแเล้ว สนามมวยสุรนารี โคราชก็เลิกไปแล้ว

นี่เป็นทางสู่กรุงเทพมหานคร ทั้งหมด แม้กระนั้นเวทีปั้นดาวภูธรสู่นครบาลเลิกไปหมด ส่งสัญญาณอันตรายกับแวดวงแน่ๆ เอาเข้าจริงแล้วมวยไทยไม่สูญหรอก แต่ว่าจะไปอยู่ในมือของคนไหนกันเพียงแค่นั้น

มีความหมายว่าคุณอยากได้มองเห็นที่มีความสำคัญในการรบในการพัฒนามวยไทยอย่างเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม ? หากถามคุณในฐานะคนทำมวยที่คลุกคลีกับแวดวง มีความคิดว่ามวยไทยจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางไหน?

ในมุมผมถ้าหากผมได้ได้โอกาสวางที่มีความสำคัญในการรบมวยไทย อันดับแรกขอ 3 ปีเพื่อการกลับรู้สึกตัวแวดวง หรือในอีก 5 ปี 10 ปี พวกเราควรมีทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติเป็นของตนเอง เหมือนกันกับ ONE Championship

ลองนึกถึงพวกเรามิได้มองเห็น บัวขาว บัญชาการก้อนเมฆ ต่อยในไทยมากี่ปีแล้ว? บัวขาวไปต่อยต่างถิ่นด้วยเหตุว่าในบ้านพวกเราขาดเงินว่าจ้าง นี่ยังไงฝรั่งเขาเอาค่าเอามรดกของพวกเราไปใช้

เมืองจีนหรือชาติในยุโรป เอามวยไทยของพวกเราไปต่อยอดธุรกิจแล้วก็ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงทำเงินได้มากมายก่ายกอง ในขณะที่เป็นของของพวกเราแท้ๆแต่ว่าพวกเราทำไม่ได้เท่าเขา

ถ้าหากผลตอบแทนนี้ตกอยู่กับพวกเรา เงินจะอยู่ที่พวกเรา พวกเราจะปรับปรุงมวยไทยไปได้ ดีกับทุกส่วนของแวดวง โปรโมเตอร์ก็ดีแล้ว เวทีมวยก็จะมีเงินเยอะขึ้นเรื่อยๆ หัวหน้าแผนกจะได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นักมวยก็ด้วย

พวกเรามีทรัพยากรแม้กระนั้นพวกเราไม่มีองค์ก็รองรับ ในความเป็นจริงแล้วการจะเชื่อมต่อแวดวงมวยไทยกับภาครัฐควรมีสโมสร ดังเช่นว่า สัมพันธ์กีฬาบอลฯ ที่เขาไปพบเงินจากคนภายนอกมาบริหารแล้วก็ส่งเสริมแวดวง

ดีครับผม แม้กระนั้นหันมามองดูตนเองบ้าง เอาภาวะพวกเราให้มันดีก่อน พวกเรายังไม่มีลีกสมัครเล่นแล้วจะไปโอลิมปิกได้ยังไง? พวกเราจำเป็นต้องสร้างพื้นฐานตนเองให้แข็งแรงเพื่อใส่รับกับสุดยอด

ช่วงชีวิตกระบวนการทำมวยก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา คุณเคยได้ฟังหัวข้อการล้มมวย แม้กระนั้นพอเพียงวันหนึ่งมาพบสถานะการณ์อย่างนี้กับตนเอง ในศึกของตนเองที่จัดดเอง ในเหตุการณ์ที่เหนื่อยยากอย่างนี้ความรู้สึกของคุณเป็นอย่างไร?

ในความเป็นจริงแล้วเรื่องล้มมวยมีมานานมากๆตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาแล้ว เนื่องจากว่าแวดวงมวยไทยคงจะแยกกันไม่ออกกับการเดิมพัน แต่ว่าถ้าหากไม่มีการเดิมพันมวยไทยก็อาจจะไม่อยู่รอดมาถึงวันนี้เหมือนกัน

คราวนี้นับได้ว่าเป็นหนแรกสำหรับผมด้ามจับมวยล้มได้ด้วยตัวเอง ถือได้ว่าเป็นการจับแบบคาหนังคาเขา สืบได้ถึงนายจ้างวาน ส่วนตัวผมเกลียดชังเรื่องของมวยล้มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากการล้มมวยนับได้ว่าเป็นเรื่องบั่นทอนแวดวงมวยไทย

สำหรับคนมวยผู้อื่นบางครั้งอาจจะคิดว่าคือเรื่องปกติ แต่ว่าสำหรับผมเองนับว่าเป็นเรื่องรุนแรงที่สุดในแวดวงมวยไทย ถ้าเกิดพวกเราปลดปล่อยผ่านไหมรีบที่จะควบคุม แน่ๆที่สุดมันก็จะมีเรื่องราวแบบงี้เกิดขึ้นอีกรวมทั้งแวดวงมวยไทยที่ถดถอยอยู่และจากนั้นก็จะยิ่งต่ำจนกระทั่งหาจุดกลับตัวกลับใจไม่พบแน่ๆ

คุณเปิดหน้าออกมาฝ่าสุดกำลัง แล้วก็เอาจริงกับประเด็นนี้มากมายก่ายกอง หมายความว่าการล้มมวยมิได้มีเพียงแค่ 1-2 คู่แค่นั้นที่คุณจับได้

ผมเปิดหน้าเป็นศัตรูกับกรรมวิธีมวยล้มทุกแบบ เพราะเหตุว่าผมทราบดีว่าการล้มมวยนับได้ว่าเป็นหายนะของแวดวงมวยไทย

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามวยล้มมีมาตลอด แต่ว่าเป็นพวกพวกเราเองในสังคมมวยต่างหากที่ปลดปล่อยผ่าน ไม่เอาจริงเอาจัง กับการป้องห้ามหรือเอาผิดผู้ที่เป็นคนทำความผิด

เพียงพอถึงเวลาก็มาขอกัน มีเงินค่าปรับทดแทนกัน จนกระทั่งท้ายที่สุดเรื่องมวยล้มก็ยังคงคือปัญหาของแวดวงมวยไทย ที่แก้ไม่ตกกันสักครั้ง

การล้มมวยจะหายไปจากแวดวงได้ไหม และก็วิถีทางจัดการกับปัญหา เพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้มีการล้มมวยอีก ในมุมมองของคุณจำเป็นต้องจัดแจง หรือมีผู้ใดกันเข้ามาดูแลวิเคราะห์ไหม?

ผมมั่นใจว่าทุกปัญหามันสามารถถูกกำจัดออกไปจากสังคมได้ หากพวกเราขมักเขม้นกับการปรับปรุง ไม่ใช่เพียงพอมีเรื่องมีราวครั้งก็ตื่นตัวครั้งหนึ่ง

สำคัญที่สุดเป็นการปลุกความสำนึกของนักมวยให้รักแล้วก็ซื่อสัตย์สุจริตต่ออาชีพ อย่าคิดชั่วช้าทำลายอาชีพของตน

ในที่สุดแล้วพวกเราทุกคนในแวดวงมวยไทยจำต้องช่วยเหลือกัน ใช้ข้อบังคับที่พวกเรามีอยู่เป็นสิ่งที่ใช้ในการกำจัดมวยล้มให้หมดสิ้น ถ้าเกิดสังคมมวยขมักเขม้นมากยิ่งกว่านี้ ผมมั่นใจว่าปัญหาที่ว่ายากไหมมีทางเป็นได้ มันก็สามารถที่จะกำจัดไปได้ท้ายที่สุด

อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเข้าสู่ปี 2565 สิ่งที่ ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ต้องการมองเห็นการเปลี่ยนแปลงเยอะที่สุดในแวดวงมวยไทยเป็นยังไง?

อย่าพึ่งกล่าวถึงปีถัดไป เอาปีนี้ให้รอดและก็เจ็บต่ำที่สุดก่อน ผมย้ำและก็กล่าวมายาวนานหลายปีแล้ว พวกเราจะต้องรีบทำที่มีความสำคัญในการรบแวดวงมวยไทยได้แล้ว

ตามจริงแล้วผมต้องการช่วยทั้งยังแวดวงนะ แต่ว่าผมช่วยไม่ไหว ผมยังมีฝันเดิมที่ต้องการมองเห็นนักมวยมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรถยนต์แพงๆขับ สวมเสื้อผ้าดี ซึ่งภาครัฐต้องมีผลประโยชน์ดูแลเขาบ้าง ไม่ใช่พอใจเพียงแค่ตอนโด่งดัง พอเพียงเลิกมวยมาไม่มีผู้ใดแยแส ไปเป็นเดินเรื่อยเปื่อยถือขวดเหล้าขาวอยู่กลางทุ่งนา